ตุลาคม 2562
ในปีที่ผ่านมาจีนและสหรัฐอเมริกา(สหรัฐฯ)ต่างกำหนดกำแพงภาษีสำหรับสินค้ามูลค่านับพันล้านเหรียญเนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองฝ่ายที่ทวีความรุนแรงขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี2561รัฐบาลสหรัฐฯได้ประกาศการกำหนดกำแพงภาษีสำหรับสินค้าของจีนมูลค่า550,000ล้านเหรียญโดยจีนได้ทำการตอบโต้ด้วยการกำหนดกำแพงภาษีสำหรับสินค้าหลายประเภทของสหรัฐฯมูลค่า110,000ล้านเหรียญเช่นกัน
ภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสื่อและโทรคมนาคมเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักทางด้านกำแพงภาษีของสหรัฐฯกำแพงภาษีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์เป็นหัวข้อสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นทุกครั้งที่รัฐบาลสหรัฐฯมีการประกาศมาตรการต่างๆออกมาโดยในการประกาศครั้งล่าสุดจะเห็นถึงผลกระทบมากที่สุดจากตาราง(อ้างถึงภาคผนวก)จะเห็นได้ว่ารอบสุดท้ายมีการกำหนดกำแพงภาษีที่อัตรา15%สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดโดยมีมูลค่าตลาดประมาณ300,000ล้านเหรียญมาตรการทางภาษีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสินค้าสำเร็จรูปเช่นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล(PCs)และโทรศัพท์ที่ส่งออกจากจีนไปยังสหรัฐฯมูลค่าการส่งออกของภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสื่อและโทรคมนาคมปี2561เกือบเท่ากับ115,000ล้านเหรียญ
จากความท้าทายที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สื่อและโทรคมนาคม กำลังเผชิญอยู่ ในขณะที่ความตึงเครียดทางการค้ายังคงดำเนินต่อไป รายงานของเราจึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าต่อห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมภาคนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การวิเคราะห์อย่างครอบคลุมโดยอาศัยหลักฐานเชิงประจักษ์และตัวอย่างเรื่องเล่า (ได้แก่ การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม) ทำให้เราสามารถระบุผู้ประกอบการหลักที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนพิสูจน์ความถูกต้องของสมมติฐานเกี่ยวกับผลกระทบที่เป็นไปได้ของกำแพงภาษี
จากการตรวจสอบช่องทางการกระจายสินค้า พบว่าผู้ผลิตอุปกรณ์ตามแบบฐาน (OEMs) จะต้องแบกรับต้นทุนที่เกิดขึ้นจากกำแพงภาษีที่กำหนดใช้กับสินค้าที่ผลิตในจีน ผลกระทบที่เริ่มขึ้นนี้จะทำให้ผู้ให้บริการด้านการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EMS)ต้องเผชิญกับแรงกดดันที่จะต้องปรับเพิ่มกำลังการผลิตในตลาดทางเลือกอื่นแทนโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อกระจายความเสี่ยง อย่างไรก็ตามจีนยังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตหลักต่อไปในอนาคตอันใกล้ในขณะที่มีความเป็นไปได้ที่จะกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในระยะยาว
ช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนดังกล่าวจะกลายเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีในภูมิภาค ในขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าในปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป สภาวการณ์ใหม่อาจเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี นั่นคือ ผู้ประกอบการไม่เพียงแต่จะต้องหาจุดสมดุลระหว่างกำไรและประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังจะต้องกระจายความเสี่ยงอีกด้วย
ยูโอบีนำเสนอบริการสำหรับธุรกิจเพื่อการขยายกิจการในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นของภูมิภาค สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการของยูโอบี โปรดติดต่อเราได้ที่ คลิกที่นี่
คลิกที่ปุ่มเพื่ออ่านการวิเคราะห์อุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ
ดาวน์โหลด